"สารนุกรมโลกลี้ลับ" (The World Yamizukan) ของฝากจากยามิชิไบ


"ในโลกใบนี้ มีความลี้ลับที่คุณยังไม่รู้จักซุกซ่อนอยู่..."
"ถ้าอยากจะรู้จักล่ะก็... จงเปิดสารานุกรมเล่มนี้..."

"สารนุกรมโลกลี้ลับ" (世界の闇図鑑 / The World Yamizukan) เป็นอีกหนึ่งการ์ตูนสั้นแนวสยองขวัญที่สร้างโดยผู้สร้างเดียวกันกับ "ยามิชิไบ" เนื้อเรื่องจะเล่าถึงความลี้ลับอันแปลกประหลาดทั่วทุกมุมโลกที่เป็นความเชื่อยอดนิยมในยุค 60-70 (พวกจานบิน สิ่งแปลกประหลาดบุกโลก สิ่งที่หาคำตอบไม่ได้ในตอนนั้น) ซึ่งออกอากาศผ่านช่อง TV Tokyo เมื่อวันที่ 3 เมษายน ถึง 26 มิถุนายน ปี 2560 รวม 13 ตอน

ลักษณะการเล่าเรื่องจะเป็นภาพนิ่งส่วนใหญ่ (ในรูปแบบละครกระดาษ) โดยมีผู้เล่าเรื่องตลอดทั้งเรื่อง (โดย "ไซโต้ ทาคุมิ") ด้วยความยาว 4 นาที โดยพูดถึงตัวละครไปเจอความลี้ลับต่อทั่วทุกมุมโลก


ความเข้าใจของผมแบบง่ายๆ ในฐานะที่ผมลองดูแล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนได้ดู "ยามิชิไบ แบบ นานาชาติ" ก็ว่าได้ ที่ได้เขียนหัวข้อว่าเป็นของฝาก เพราะผมก็พึ่งจะทราบว่ามีการ์ตูนแนวเดียวกันกับยามิชิไบเช่นกัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการ์ตูนสยองขวัญต้องลองติดตามกันเลยทีเดียว

และสำหรับบล็อกนี้ ผมจะเล่าความรู้สึกที่ได้ดู ว่าแต่ละตอนให้ความหลอนเป็นอย่างไร และได้ความรู้สึกอะไรมาบ้างครับ




ตอนที่ 1 เงาดำผู้ล่อลวง (誘惑の黒い影)


เรื่องราวเล่าว่า หลายวันที่ผ่านมา ภรรยาของแต่งตัวและเดินออกไปด้วยท่าทีไม่รู้สึกตัว สามีจึงเกิดความสงสัยแบบนี้มาหลายวันจึงเดินตามไป ซึ่งเธอเดินไปตามป่าลึกๆ สามีจึงตามไปสืบดูว่าเธอไปพบอะไร เมื่อเขาเห็นสิ่งที่กำลังรอเธออยู่นั้น... กลับเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดคิด...


ความรู้สึกที่ได้ดูตอนนี้ ทำเอาหลอนในระดับกลางๆ เลย เป็นเนื้อหาที่เข้าใจง่าย เพราะผมเห็น "สิ่งนั้น" ทีมักจะปรากฎเป็นมุกตลกในขายหัวเราะมหาสนุก ถ้าวันหนึ่งตัวเราไปเจอเหตุการณ์แบบตอนนี้เข้า เราจะได้ความรู้สึกของการเป็น "หนูทดลอง" ว่าจะรู้สึกอย่างไร





ตอนที่ 2 ภูติท่ามกลางหิมะ (雪の中の妖精)


มิฮาเอล เด็กชายในหมู่บ้านหิมะ ที่เติบโตมากับครอบครัวที่ขาดความรัก พ่อมักจะมีปากเสียงกับแม่และเอามาลงที่มิฮาเอลตลอด แม้แต่วันที่เขาปั๊นตุ๊กตาหิมะ พ่อยังจะไปทำลาย... และคืนหนึ่งที่มีพายุหิมะ มิฮาเอลเห็นตุ๊กตาหิมะ "เดินมาหา" มิฮาเอลเลยออกไป หาโดยไม่สนใจคำสั่งห้ามของพ่อ พอเดินไปไกลก็ผลักพ่อลงเหวที่วิ่งไล่ตาม สุดท้ายสิ่งที่มิฮาเอลเจอก็คือ...


ตอนนี้ ได้ข้อคิดที่ดีต่อครอบครัวเลย เหมือนเป็นการสอนว่าพ่อแม่ควรจะรู้จักรักลูกให้มากขึ้น ถ้ารักลูกด้วยเหตุผลมากกว่าอารมณ์ ก็คงจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบมิฮาเอลได้... 


ถ้าเปรียบเทียบกับไทย ผมก็เคยได้ยินเวลาพ่อแม่สอนว่าอย่าออกไปเถลไถลในยามวิกาล มักจะสมมุติเรื่องอะไรบางอย่างให้เด็กกลัวและไม่กล้าออกไป อย่าว่าแต่ผีเลย เวลาใครเดินไปไหนในยามวิกาลอาจจะเจอพวกปล้นหรือข่มขืนอะไรทำนองนี้ก็ได้


Theme ของตอนนี้ ผมมองว่าเป็นประเทศรัสเซีย แต่ในเนื้อเรื่องไม่ได้บอกขนาดนั้น แต่ผมเคยได้ยินว่าชารัสเซียมักจะใช้คำพูดที่รู้สึกหยาบ หรือพูดเหมือนคำด่า แต่การกระทำไม่น่าจะเกียวกับคำพูด... ในตอนนี้เหมือนว่ามิฮาเอลยังไม่เข้าใจลักษณะนิสัยของพ่อ... แต่ถ้าพ่อคุยกับมิฮาเอลด้วยอารมณ์เย็นลงกว่านี้อีกนิด คงจะไม่เป็นเหมือนเหตุการณืในตอนนี้ก็ได้... 





ตอนที่ 3 ยมทูตผู้วิ่งผ่านทุ่งหญ้า (荒野を駆ける死神)


"ใครเป็นคนประดิษฐ์มันขึ้นมาวะ!?"

โนเอล หนุ่มแบ็กแพ็กเดินทางมาตามถนนแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว โดยหวังว่าจะติดรถเพื่อให้ไปถึงปลายทางไวๆ จนกระทั่งมีผู้หญิงสวยคนหนึ่งขับรถผ่านมา โนเอลขอจอดและติดรถไปกับผู้หญิงคนนั้น...


ต้องขอโทษผู้อ่านนิดหนึ่งที่ผมเขียนคำสบถออกมา ตอนนี้ใช่ว่าจะไม่ดีนะ แต่พอดูแล้วรู้สึกคิดว่า ใครเป็นคำทำ "สิ่งนั้น" มาเพื่ออะไร? ถ้าผีไม่ทำแล้วใครทำ? เป็นปริศนาที่เหนือจินตนาการจริงๆ 


จะว่าไปแล้วตอนนี้ทำให้ผมนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง 5 แพร่งเลย แต่ถ้าสมมุติว่าไม่ใช่ผีหรือสัตว์ประหลาด แม้แต่คนเรากันเอง ไม่ว่าจะเป็นคนเดินข้างถนนหรือคนขับรถก็ยังระแวงหรือไม่ไว้วางใจกันเองเลยว่าตนเองจะปลอดภัยหรือเปล่า ดังนั้นเวลาเดินทางอะไร ก็ต้องดูกันดีๆ ก่อนที่จะขึ้นไปติดรถ หรือรับคนร่วมเดินทาง เป็นข้อคิดที่เราต้องรู้จักระวังตัวเมื่ออยู่ในสถานการณ์นั้นนั่นเอง




ตอนที่ 4 ตัวตนที่แท้จริงของวงกลมปริศนา (謎の円形の正体)


แจ็คกับจอห์น สองพ่อลูกชาวไร่ข้าวโพด พบแสงประหลาดที่ทำให้ต้นโพดหายไปจนเป็นรอยวงกลม ฝั่งพ่อคิดว่าเป็นโจร ฝั่งลูกคิดว่าเป็นเอลี่ยนบุก... พ่อลูกจึงตัดสินใจแอบมาดูว่า อะไรที่ทำให้เกิดรอยวงกลมปริศนาอันนี้กันแน่?

เรื่องนี้ เอาปรากฎการณ์ "วงธัญพืช (Crop Circle)" มาทำเป็นตอนนี้ ซึ่งวงธัญพืชดังกล่าวมักจะเกิดตามท่องทุ่งไร่ทางแถบยุโรป โดยพืชที่ปลูกไว้มักจะล้มเป็นวงกลม ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถกเถียงกันมาว่าเป็นฝีมือของใครกันแน่ ซึ่งตามวิกิพิเดียนั้น วงธัญพืชถูกค้นพบเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1972 โดยชาวอังกฤษ 2 คนที่กำลังสังเกตประกฎการณ์แสงประหลาดสีขาวแต่กลับไม่พบอะไรนอกจากร่องรอยเป็นวงกลมดังกล่าว 


ผมก็เคยได้ยินเรื่องราวนี้มาเหมือนกัน และผมลองไปค้นดูหลายรูป ก็เชื่อว่า บางรูปเป็นปริศนา และบางรูปเป็นสิ่งที่มนุษย์ทำขึ้นมาเอง ซึ่งเรื่องวงธัญพืช สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซด์เพชรมายา 

(หัวข้อ: มาเรียนรู้ Crop Circle สัญลักษณ์ปริศนา ที่มาจากฝีมือคนธรรมดาหรือมนุษย์ต่างดาว)

สำหรับตอนนี้ เป็นอะไรที่ลึกลับดี และยังคิดว่าในปัจจุบันนี้ยังมีเหตุการณ์แบบนี้อีกหรือเปล่า...




ตอนที่ 5 มนุษย์จักรกลกำลังคืบคลานเข้ามา (機械人がやってくる)


เรื่องนี้ เล่าในมุมมองของบุรุษที่หนึ่ง (POV1) ว่าด้วยเรื่องของคุณลุงที่อยู่มุมล่างขวา เข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่ดูผิดปกติ แต่กลับหารู้ไหม่ว่า ที่อยู่ในร้านอาหารล้วนเป็น "มนุษย์จักรกล" ทั้งสิ้น และพวกนี้ กำลังจะไล่ล่ามนุษย์ไปทั่วทุกแห่ง หวังจะ "สูญพันธุ์" มนุษย์ให้ได้!!

บอกได้เลยว่าตอนนี้เป็นตอนที่ "โหดร้าย" ในสายตาของผม แต่ก็ได้ข้อคิดที่พึงตระหนักได้ว่า ถ้าคนเรามัวแต่พึ่งเทคโนโลยีมากเกินไปอาจจะเกิดเรื่องราวแบบนี้ได้ ต้องคิดดีๆ ว่า เราจะมีอำนาจควบคุม "พวกมัน" อย่างไร และต้องใช้สิ่งนั้นให้มีขอบเขตโดยไม่เป็นอันตรายต่อมนูษย์


แต่ผมเคยคิดอยู่ว่าอยากจะสร้างโปรแกรม AI มาสมมุติตัวละครที่เขียนอยู่ (แบบ SimSimi) เอาไว้ทดสอบสภาพจิตใจเหมือนให้ตัวละครตัดสินความคิดด้วยตัวเอง แต่พอมาดูตอนนี้... บางทีเพื่อนในจินตนาการ ก็ปล่อยให้อยู่ในจินตนาการและอยู่ในนิยายที่เขียนอยู่จะดีกว่าไหม 5555+ แต่อย่างไรก็ตาม การใช้เทคโนโลยีนั้น ควรจะใช้ให้พอดี อย่าใช้เกินจนเป็นภัยต่อมนูษย์นั่นเองครับ



ตอนที่ 6 ฝันร้ายที่หายไปในหาดทราย (砂に消えた悪夢)



ทอม บรู๊ค ไมค์ เดินเล่นไปตามหาดทรายแห่งหนึ่ง ไปเจอกับสิ่งมีชีวิตลึกลับ ที่มีลักษณะเหนียวๆ ลื่นๆ และส่งกลิ่นเหม็นเหมือนซากศพปลา และนั่นก็เห็นเป็นฝันร้ายที่หายไปอยู่ในหาดทรายดั่งชื่อตอน


ถ้าใครเคยอ่านข่าวต่างประเทศเกี่ยวกับสิ่งแปลกประหลาดเกยตื้นอยู่ตามฝั่ง ก็จะเห็นเรื่องราวดั่งตอนนี้อยู่บ่อยๆ บางที ถ้าไม่แน่ใจอะไรล่ะก็อย่าไปเข้าใกล้เหมือนตัวละครในตอนนี้ บางที สิ่งที่เราเห็นอาจจะเป็นดั่งเช่นในตอนนี้ก็เป็นได้......


สำหรับตอนนี้ ผมจึงขอยกตัวอย่างข่าวสัตว์ประหลาดเกยตื้นมาจาก pptv ตามลิงก์นี้

(ชาวเน็ตแตกตื่น! สัตว์ประหลาดเกยตื้นรัฐเท็กซัส จาก PPTV)



ตอนที่ 7 ตัวตลกไร้เดียงสา (無邪気な道化師)


เป็นเรื่องราวที่มีตำนานว่า ช่วงเวลาที่ฟ้ามืดครึ้ม มักจะมีตัวตลกมาลักพาตัวเข้าไปอยู่ในโลกกระจก โดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับคู่พี่สาวน้องสาว ซึ่งมีตัวตลกปรากฎตัวและเข้ามาหาพวกเธอ...

ตอนนี้ใช้ภาพจริงทั้งหมดในการเล่าเรื่อง ความรู้สึกส่วนตัวของผมนั้นถือว่าตอนนี้ คลายเครียดจาก 6 ตอนที่แล้วเป็นอย่างมาก จะน่ากลัวก็น่ากลัว จะน่าขำก็น่าขำ คือ... ตัวตลกของตอนนี้ ดูแบ๊วๆ ใสๆ ดูตลกสมกับเป็นตัวตลก... แต่ตอนเข้ามานี่มันโจรปล้นชัดๆ 5555+ 

จะว่าไป ตอนนี้ เอาความน่ากลัวของตัวตลกมาทำเป็นเรื่อง เราเองคงจะคุ้นเคยกับตัวตลก (จำพวก Clown) ที่แต่งหน้าขาวๆ จมูกปากแดงๆ ทั้งแบบตัวจริงที่แสดงในคณะละครสัตว์ หรือเห็นในหนังหรือการ์ตูน ที่ออกมาสร้างสีสันความสนุกสนานให้เด็กๆ หัวเราะหรือตกใจอย่างสนุกสนาน

แต่ใช่ว่าตัวตลกแบบนี้ จะสร้างความบันเทิงให้กับเด็กๆ เสมอไป เพราะการแต่งหน้าแต่งตัวบางครั้ง อาจทำให้เด็กกลัว ปราสาทหลอน หรือหนักถึงขั้นเป็นโรคกลัวตัวตลก (Coulrophobia) ไปเลยก็ว่าได้ อนึ่ง ผมเคยเห็นโปสเตอร์หนังผีฝรั่งบางเรื่อง ที่เอาตัวตลกมาใส่เป็นบทตัวร้าย หรือทำ "ผีตัวตลก" ออกมาหลอกหลอนอาละวาดคนก็มีให้เห็นพอสมควร


ในตอนนี้ทำได้ดีเลยทีเดียว (และเป็นตอนที่ผมชอบที่สุดใน Yamizukan) และฉุกเป็นข้อคิดได้ว่า ผู้ร้ายบางคนมักจะสวมน่ากากเอาความน่ารักสดใสมาบังหน้า เพื่อจู่โจม ดังนั่นเวลาเราเห็นอะไรที่บันเทิงสวยงาม บางครั้งอาจจะซ่อนความร้ายไว้โจมตีเราอยู่ภายในก็ได้...




ตอนที่ 8 เผ่าลึกลับที่ไม่มีวันป่วย (病にかからぬ謎の民)


หน่วยสำรวจ ได้ไปสำรวจ ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในป่าอเมซอนที่ว่ากันว่ามีชนเผ่าปริศนาที่มีสุขภาพแข็งแรงโดยไม่เจ็บไม่ป่วยอยู่ตลอดเวลา แต่หน่วยสำรวจนั้นหายตัวไปอย่างลึกลับเมื่ออาทิตย์ก่อน และหลังจากนั้น จอห์น ได้ลงสำรวจด้วยตัวเองพร้อมกับผู้ช่วยเพื่อสืบหาภรรยาที่หายไป และได้รู้จัก "สูตรลับ" ที่ชนเผ่านี้ไม่มีวันที่จะป่วยไข้ ซึ่งสูตรลับที่ว่านั้นก็คือ...

ตอนนี้ ทำให้ผมนึกย้อนไปไกลถึงสมัยประถม ที่ครูสอนเรื่องภูมิต้านทานในร่างกายมนุษย์ ซึ่งครูสอนเหมือนกับเรื่องราวในตอนนี้เป๊ะเลย และบอกเลยว่าเป็นอีกตอนหนึ่งที่ "โหดร้าย"


ตอนที่ 9 กล่องอาถรรพ์ต้องคำสาป (不幸を呼ぶ呪いの箱)


ณ บ้านเช่าแห่งหนึ่ง ที่หลงเหลือเพียงกล่องสีดำปริศนานี้เอาไว้ ไม่ว่าผู้เช่ามากี่คนต่อกี่คนก็สะดุดตากับกล่องสีดำอันนี้ ถ้าเข้าไปใกล้ จะได้ยินเสียงกล่องเพลงลอยออกมา ถ้าลองไปเปิดดูข้างในแล้วจะเห็น... 

สมกับเป็นตอนที่ 9 แบบญี่ปุ่นจริงๆ ตอนนี้ ให้คะแนนความน่ากลัวที่ 10 กะโหลกเลย และความเจ๋งอยู่ตรงการแสดงภาพเพียงมุมเดียวอยู่ตลอด และดึงความสนใจของคนดูได้เป็นย่างมาก 

ถ้าสมมุติว่าผมไปเจอกล่องสีดำอันนี้ แล้วแอบเปิดมัน ผมคงจะเห็น.............エヌ背気반ครับ

ตอนที่ 10 หน้ากากที่มองเห็นวาระสุดท้าย  (最期を見つめる奇面)


ณ ร้านขายของเก่าแห่งหนึ่งในยุโรป ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านนั้นด้วยความแปลกใจ และไปสะดุดตากับหน้ากากลึกลับอันนั้น ทางเจ้าของร้านบอกว่าอย่าซื้อเลยดีกว่า แม้ว่าชายคนนี้ยังคิดว่าเป็นเพราะโชคชะตาที่นำพาเขามาพบกับหน้ากากอันนี้...

เป็นตอนที่หลอนสะพรึงและขนลุกอีกหนึ่งตอนเลย ต่อให้ร้องเพลงไม่โดนใจผู้ชมอย่างไร ก็ขัดคำสั่งของคุณกันต์อยู่ดี... มันเหมือนกับว่า คนใกล้ตายยังไงก็ต้องตายอย่างไงอย่างงั้นเลย.... 


ตอนที่ 11 เสียงเรียกจากใต้พิภพ  (地底からの呼び声)


คริสกับเคท ได้ไปท่องเที่ยวยังเกาะแห่งหนึ่งในมาหาสมุทรแปซิฟิก ที่มีอารยธรรมโบราณ ที่ทิ้งรอยเป็นรูปปั้นหินแกะสลักประหลาดอยู่มากมาย เมื่อพบกับ "เจ้าถิ่น" ได้อธิบายเรื่องประวัติและความเชื่อพร้อมพาไปยังถ้ำแห่งหนึ่ง ก็พบวิธีการสร้างเหินแกะสลักที่คาดไม่ถึง...

ตอนนี้แม้จะไม่ได้ดูว่าเอาความเชื่อมาจากไหน แต่เหมือนจะสื่อถึง "เจ้าถิ่น" ได้ถือความอิจฉาริษยาเอาไว้ด้วยความคิดที่ผิดๆ จนคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาเดือดร้อน เป็นตอนที่ผมดูแล้วรู้สึกหัวร้อน เพราะผมเจอคนแบบ "เจ้าถิ่น" มาแล้ว เจ้าถิ่นนี่แหละคือตัวตนที่น่ารังเกียจ ตอนนี้จึงถือว่าเป็นอีกตอนที่ดู "โหดร้าย"


ตอนที่ 12 ดวงตาสีแดงแห่งท้องทะเล  (海底に蠢く赤い目)


แดนเนี่ยลกับอลิสันที่กำลังไปฮันนีมูนที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง แล้วจู่ๆ แดนเนี่ยลก็หายตัวไป พออาลิสันไปตามตรัว กลับพบสัตว์ประหลาดที่มีดวงตาสีแดงอยู่ ซึ่งเป็นตัวที่ลักพาแดนเนี่ยลไปทำอะไรบางอย่าง

ตอนจบเป็นอะไรที่หัวร้อนมาก ถือว่าเป็นตอนที่โหดร้ายที่สุดของ Yamizukan ทั้งหมด เพราะปีศาจที่ปรากฎอยู่ในตอนนี้ ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเอาไว้... ลองคิดดูถ้าเป็น "เหยื่อ" ของพวกนั้นล่ะก็ไม่สนุกด้วยแน่นอน คิดว่าต้นกำเนิดของปีศาจดวงปลาสีแดงอันนี้จะต้องมีจุดจบแบบตอนที่ 5 แน่ๆ




ตอนที่ 13 ต้นไม้ในดงหมอก  (霧につつまれた樹木)


เอมิลี่ เด็กหญิงกำพร้าแม่ ที่ต้องเดินทางผ่านป่าลึกที่มีหมอกหนา และไปพบกับผู้ชาย 3 คนที่อาสาจะไปส่งเธอ ในระหว่างนั้น เธอพบกับ "ความกลัว" ที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน เมื่อเธอถูกปกคลุมไปด้วยหมอกนั้น ชาย 3 คนนี้จึงพาไปส่ง พร้อมบอกว่า แม่เธอรออยู่!?

เป็นตอนที่ Landing ได้สวย และได้อารมณ์เศร้า จะว่าไปชีวิต(วัยเรียน)ผมก็คล้ายคลึงกันกับเอมิลี่ ตรงที่ หลายปีผมก็ต้องจมอยู่กับสังคมที่ไม่เคยเป็นมิตรกับผม จนบางที อยากจะเป็นเหมือนต้นไม้ในป่าแห่งนั้นอยู่ตลอดไป ถ้าถูกตัด ก็จะต้องทำโทษคนที่ตัดด้วยอำนาจทางธรรมชาติ เป็นตอนที่ทำให้คนดูเข้าถึงความลึกลับของตอนนี้ได้โดยไม่รู้สึกสะพรึงกลัวเลย




เพลง ED - Me to Me / MONO NO AWARE 


สำหรับเพลง ED ประจำอนิเมะเรื่องนี้ชื่อเพลง Me to Me โดยศิลปิน MONO NO AWARE ซึ่งทางผู้สร้างอนิเมะเลือกเพลงนี้มาปิดท้ายได้อย่างลงตัวดี บรรยากาศของเพลงค่อนข้างอึมครึม ได้อารมณ์พักผ่อน และสื่อถึงความรู้สึกว่า "ถ้าเจอกันได้ก็ดี" และท่อนสร้อยที่ร้อง "เมะโตะเมะโตะเมะ" ซ้ำๆ ... เหมือนให้ความรู้สึกว่าอยากให้มาเจอกัน "ตาต่อตา" ทำนองนั้น




วิจารณ์โดยสรุป 

The World Yamizukan เป็นยามิชิไบอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ให้ความหลอนลึกและเข้าใจง่าย เอาความลึกลับและปริศนา มาเป็นเรื่องหลอนติสต์แตก โดยบางตอนที่ให้ความรู้สึกแบบหัวร้อน ขนลุกขนชันกันเลยทีเดียว 

ข้อดี:
การนำเสนอภาพดูสวย สร้างบรรยากาศความหลอนได้ดี และเสียงบรรยายก็เติมบรรยากาศให้เข้ากันได้และเข้าใจในเนื้อหาง่ายอีกด้วย

ข้อเสีย:
ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ นอกจากบางตอนที่ให้ความโหดร้ายเกินไปจนรู้สึกหัวร้อนโดยเฉพาะตอนที่ 12 ถ้าไม่มีตอนที่ 13 มาคลายก็คงจะเครียดไปหลายวัน

ความรู้สึกส่วนตัว:
การดูซีรีส์อันนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นยามิชิไบแบบนานาชาติ (International version of Yamishibai) พอตั้งเป็นชื่อใหม่ ก็เหมือนเป็นการ reset ความรู้สึก ว่านี่เป็นเรื่องใหม่ และหวังว่าจะทำต่อ Season 2 ตอนที่ชอบที่สุดคือตอนที่ 7 ตอนที่ไม่ชอบที่สุด (ไม่ชอบในพฤติกรรมของตัวละคร) คือตอนที่ 12

คะแนนความพึงพอใจ: 8.49/10




ทั้งหมดนี้ก็คือ The World Yamizukan ความหลอนอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มาจากผู้สร้างยามิชิไบต้องติดตามกันว่า จะมี Season 2 ต่ออีกหรือเปล่า ถ้ามี แล้วเอาความเชื่อของคนไทยไปทำคงจะตื่นเต้นไม่น้อยเลยทีเดียว จากนี้ไปก็ต้องมาติดตามยามิชิไบ Season ที่ 6 ว่าจะหลอนสะพรึงขนาดไหน ต้องให้คุกกี้ทำนายกัน
แหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม:
- เว็บไซด์หลัก (ภาษาญี่ปุ่น)
- เว็บไซด์ My Anime List (ภาษาอังกฤษ)
- ข่าวประกาศการทำ Yamizukan จาก Anime News Network (ภาษาอังกฤษ)

ความคิดเห็น