[FIR] ยามิชิไบ Season 6 ตอนที่ 7-11


ก่อนอื่นต่อขอกราบขอประทานอภัยที่ไม่ได้มาเขียนบล็อกไปเกือบเดือน เพราะผมมีอาการซึมเศร้ากำเริบตั้งแต่กลางเดือนสิงหาที่ผ่านมา ก็เลยไม่ได้มาเขียนรีวิวหรือเขียนบทความอย่างอื่นๆ ครับ

สำหรับยามิชิไบ Season ที่ 6 ตอนที่ผมยังไม่ได้รีวิว นั้น ที่ผ่านมาผมก็ติดตามดูมาตลอด เพียงแต่โรคซึมเศร้าทำให้ผมไม่มีกะจิตกะใจมาเขียนบทความนั่นเองครับ ครั้งนี้ผมจะสรุปเรื่องราวทั้งหมดลงกระทู้พันทิป และผมจะเขียนบทความตีความในเหตุการณ์ต่างๆ ลงที่บล็อกหอยทากที่นี่ ตั้งแต่ตอนที่ 7 ถึงตอนที่ 11 ครับ 



ตอนที่ 7 : ไข่กบ -- ตอนจบเหมือนหนึ่งในหนังเรื่อง 4 แพร่งเลย 


ที่บอกว่าตอนจบเหมือนหนังเรื่อง 4 แพร่งนั้น ตามที่ผมไปสปอยในกระทู้พันทิปตรงที่ทาคุยะควักลูกตาตัวเองออก ทำให้ผมนึกถึงตอนหนึ่งของ 4 แพร่ง ในตอน "ยันต์สั่งตาย" ที่ใครมองยันต์นี้ จะต้องตาย และตอบจบของหนังเรื่องนั้น คนที่เหลือรอดควักลูกตาตัวเองออกเพื่อไม่ให้ตัวเองเห็นยันต์มรณะนั่นเอง

จะว่าไปตอนเด็กๆ ผมก็ชอบจ้องดูไข่กบเช่นกัน และจำได้ว่าอยู่ในบทเรียนเรื่องที่เกี่ยวกับกบพอดี และที่โรงเรียนก็มีสระน้ำพุที่มีกบมาวางไข่ ผมก็ชอบจ้องมองไปที่ไข่กบและตักลูกอ๊อดมาดูเล่นกับเพื่อนๆ 

ถ้าจะตีความในตอนนี้ เหมือนว่าจะเปรียบไข่กบเหมือนลูกตาของคน และเอาการจ้องมองจากที่เราจ้องมองไข่กบ กลายเป็นไข่กบจ้องมองเราแทน โดยเล่นกับความกลัวของการที่ถูกจ้องมอง

ถ้าสมมุติว่าเราเดินไปอยู่ตรงกลาง โดยมีคนล้อมรอบเป็นวงกลม เราก็จะจะถูกคนแถวนั้นจ้องมองมาเป็นสายตาเดียวกัน ไม่ว่าเราจะทำอะไรจะเป็นเรื่องไหนก็ตามแต่ การถูกจ้องมองเป็นสายตาเดียวกัน อย่างน้อยก็สร้างความกดดันไปได้มากขึ้น ถ้ายิ่งเป็นคนขี้อายก็ยิ่งหลบลงแต่พิ้นถึงอาจจะเอาอะไรบางย่างมาคลุมหัวก็ได้

ตอนแรกผมก็นึกว่าจะถูกสามคนมารังแกทาคุยะละ แต่สุดท้ายไม่มีก็โล่งใจหน่อย ถ้าหากมองในแง่ของไข่กบ เหมือนว่าตอนนี้ จะเตือนให้คิดว่า ไม่ควรจะไปตักไข่กบเล่น ปล่อยให้พวกมันเติบโตทางธรรมชาติต่อไป แบบว่า ถ้าใครได้ดูตอนนี้ ก็เอาไปสอนเด็กๆ ต่อได้ 

ดังนั้น ความกลัวของตอนนี้เป็นความกลัวแบบเด็กๆ และเป็นความกลัวของคนที่กลัวการถูกจ้องมองนั่นเอง

ตอนที่ 8 : เซียมซีทะเล -- เหมือนคนเผลอไปเปิดกล่องแพนโดร่าอย่างไงอย่างงั้นเลย 


ตอนนี้เล่นคำโดยเอาคำว่า "うみ (ทะเล)" และ "おみくじ (เสี่ยงเซียมซี)" มาสนธิกัน เป็นชื่อตอนว่า "うみくじ" และสังสรรค์เป็นเรื่องสยองขวัญในรูปแบบหายนะจากทะเล

เป็นตอนนี้ผมมองว่าเข้าทางแบบเดียวกับ Season 1 เลยทีเดียว ได้อารมณ์ว่าคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปทำอะไรบางอย่างก็เจอผีมาหลอกเอาชีวิตไป ฉากที่หลอนที่สุดตอนทีชิซาโตะถูกล่องเรือเจอเด็กทารกโผล่ออกมา ผมหวาดเสียวว่าเด็กจะมุดกลับเข้าไปของของชิซาโตะเลย

และตอนนั้นเธอขอว่าจะทำตามทุกอย่างหวังจะเอาชีวิตรอด แต่สุดท้าย เธอยอมที่จะสละชีวิตที่จะหายไปในทะเลเพียงคนเดียว แต่ตอนจบ เธอสะดุดจนผ้าคลุมหลุดออก เหมือนกับว่า ใครที่เห็นลายอักขระต้องคำสาปนั่น... จะต้องประสบชะตากรรมแบบเดียวกับเธอ...

ตอนนี้จึงเป็นอีกตอนที่ผมชอบ ระดับความน่ากลัวน่าจะสู้กับ Season 1 ได้ ผมอยากให้ยามิชิไบมีความน่ากลัวแบบนี้ แม้ว่าตอนนี้อาจจน่ากลัวน้อยกว่า Season 1 ก็ตาม...

ตอนที่ 9 : เล่นกับโคลน -- หัวอกของคนเป็นแม่ 


ตอนนี้ถือว่าเป็นตอนที่จบแบบดราม่าที่สุดใน Season 6 เลย พอผมลองสรุปเหตุการณ์ลงในกระทู้พันทิปแล้วรู้สึกเศร้าไปเลยกับตอนนี้ เหมือนกับว่า มิจิโกะ รอแม่ด้วยการไปเล่นกับทรายนานเกินไปจนตัวเปื้อนเป็นไข้ตัวร้อนแล้วก็เสียชีวิต ภาพที่เห็นในช่วงต้นๆ ของตอนทำให้เห็นได้ว่า แม่นั้นถูกรถชนเสียชีวิตไปโดยไม่รู้ตัว...

ผมรู้สึกว่าฉากสุดท้าย ตรงทรายเลอะนั่น มันเหมือนกับว่า ดวงวิญญาณของแม่และเด็กมาก่อกองทรายและแสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแบบสดๆ ร้อนๆ ให้คนผ่านไปผ่านมาเห็นอย่างไงอย่างงั้นเลย

อย่างที่ทราบกันว่า แม่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ แต่การเสียชีวิตของมิจิโกะ อาจดูคลุมเครือนิดหนึ่ง ในส่วนนี้ผมมองว่า มิจิโกะออกไปเล่นทรายท่ามกลางสายฝน จนทำให้ไม่สบาย แถมตัวเลอะดินโคลนอาจมีเชื้อโรคอะไรบางอย่างมาคร่าชีวิตไปก็เป็นได้...

สิ่งที่ได้จากตอนนี้คือ ความรู้สึกและหัวอกของคนเป็นแม่  ต่อให้เจ้าตัวเจออันตรายถึงชีวิตเพียงใด จิตใจก็รู้สึกเป็นห่วงและโหยหาลูกอยู่เสมอ... ตอนนี้แม้ว่าความน่ากลัวจะดูน้อยกว่าตอนอื่นๆ แต่ถือว่าตอนนี้ ทำออกมาได้อารมณ์ดราม่าโศกเศร้าไม่แพ้ตอนดอกไม้เสี่ยงทายใน Season 5 เลย

ตอนที่ 10 : ต้นไม้ไร้เดียงสา -- แลกเปลี่ยนวิญญาณ? 


จะว่าไป ในตอนนี้ทำเอาผมคิดหลายตลบเลย แต่สุดท้ายก็สรูปประเด็นของตอนนี้ได้เลยว่า... ซาโตชิ เป็นคนชวนปีนต้นไม้ขอให้ทาคาชิไปเอาลูกนก พอลูกนกตายในกำมือ ก็เลยโดนแก้แค้นให้ทาคาชิตกต้นไม้ตาย 

เสร็จแล้ว 7 วันผ่านไป ผีทาคาชิมาหลอกให้ซาโตชืปีนต้นไม้ แล้วโดนผีหลอกจนตกต้นไม้ กลายเป็นจังหวะที่ผีทาคาชิช่วงชิงร่างกายของซาโตชิไปสิงสู่ และทิ้งให้ซาโตชิเป็นผีเฝ้าต้นไม้ต้นนั้นไป... 

ส่วนลูกนกที่ถูกปล่อยมานั้น คาดว่าผีทาคาชิหลอกให้ซาโตชิไปเอาลูกนกเองมือเผลอไปกำลูกนกโดยอัตโนมัติก่อนตกต้นไม้

ในส่วนของความน่ากลัว ผมก็ยังแปลกใจตัวเองว่าทำไมถึงได้ติดใจกับฉากผีตุ้งแช่ได้ขนาดนั้น แต่ผมยอมรับว่า ตอนนี้วาดก็ผีออกมาได้ใกล้เคียงกับ Season 1 เลย ความน่ากลัวถือว่าใช้ได้แล้ว และการสรุปความก็ไม่กำกวมมากนาก

แต่อย่างไรก็ดี ตอนนี้ก็ได้คติสอนใจ ให้พ่อแม่เอาไปสอนลูกว่า ไม่ควรจะไปเอาชีวิตของใครมาดูเล่น และอย่าไปทำอะไรโดยไม่คิดถึงคุณค่าชีวิตของสัตว์อื่นๆ ชีวิตกับความตายไม่ใช่เรื่องที่น่าล้อเล่น เพราะชีวิตจริงนั้นไม่สามารถย้อนกลับไปจุดเซฟเก่าดังเกมเดอะซิมส์ที่สามารถย้อนกลับไปเล่นใหม่ได้

ตอนที่ 11 : ความทรงจำที่ถูกแช่แข็ง -- ไม่อยากให้ใครสูญเสียไปทั้งนั้น... 


กลายเป็นอีกหนึ่งตอนที่จบแบบดราม่าตามตอนที่ 9 ไปติดๆ ซึ่งสื่อความรู้สึกได้ว่าครอบครัวพ่อแม่ลูกนั้น ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ หรือ ลูก ก็ไม่อยากให้ใครต้องมีอันเป็นที่จะต้องพลัดพรากจากกันไป ตอนนี้เน้นตรงที่ชิโนบุที่เป็นภรรยาของพระเอกที่ออกไปปีนภูเขาหิมะว่า ไม่อยากถูกทิ้งไปให้อยู่คนเดียว

เมื่อความตายพลัดพลากลูกที่ชื่อทะเครุไป แน่นอนว่าความเงียบเหงาก็ได้ครอบงำจิตใจไปทั้งเขาและภรรยา และวันที่เขาเดินขึ้นหิมะไปคนเดียว ผีทาเครุก็ตามตัวเขามาด้วย 

นั่นหมายความว่าดวงวิญญาณของลูกยังไม่อยากไปไหนนั่นเอง...

ชีวิตครอบครัว เกิดขึ้นด้วยความรักของหนุ่มสาว แต่งงานกัน ก็มีลูกขึ้นมา ซึ่งครอบครัวอยู่ได้ด้วยความรักและความผูกพันกัน แม้จะมีความขัดแย้งเดินทางมาบ้างก็ตาม แต่เมื่อความตายและความสูญเสียเข้ามา คนที่เหลืออยู่ต่อก็จะอยู่ด้วยความทุกข์ยาก.....

ดังนั้นความน่ากลัวตอนนี้ จึงไม่ค่อยมีอะไรมาก นอกจากความเศร้าและดราม่า ดูได้โดยไม่ต้องหลบหน้าจอ ว่าจะมีอะไรโผล่ออกมานั่นเอง 



เวลาผ่านไปเร็วมาก จนรู้ว่าอีก 2 สัปดหาห์น้า จะจบ Season ที่ 6 แล้ว ผมจะพยายามจะเยียวยาจิตใจตัวเองเพื่อให้มาเขียนบทความต่อได้... ถึงอย่างไรก็เจอกันใหม่ตอนหน้าครับ

ความคิดเห็น