[FIR] ยามิชิไบ Season ที่ 7 ตอนที่ 8: ไอ

เรื่องของอาการไอ ก็เป็นอาการไม่สบายอย่างหนึ่ง ที่เราจะต้องหายารักษาให้หาย และปรับสภาพแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น ถ้าจะเอามาทำเป็นเรื่องสยองขวัญ ก็คงจะเป็นผีที่แฝงมากับเชื้อโรค ใครได้รับเชื้อโรคนี้ก็จะโดนผีสิงไปอะไรทำนองนี้หรือเปล่า? ซึ่งยามิชิไบในตอนนี้ จะเอามาทำเป็นอย่างไร และบทความนี้คือบทสรุปของตอนนี้ครับ

ยามิชิไบ Season ที่ 7 ตอนที่ 8: ไอ


เป็นเรื่องราวในอพาร์ตเมนต์เก่า ที่ทาคายุกิต้องมาทะเลาะกับชายแก่ที่อยู่ห้องข้างๆ ซึ่งเขาถูกชายแก่คนนี้กล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ป่วย ทั้งถากถางว่าจะแจ้งตำรวจมาจับ หรือให้เจ้าของหอมาไล่เขาออกไป (โดยกล่าวว่าตนสนิทกับเจ้าของ) ทำให้เขางงทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ชายแก่ยังคงเตือนเขาว่า ถ้าส่งเสียงดังแม้แต่นิดเดียวจะเจอดีแน่!! (อ่านบทสรุปของตอนนี้ได้ในกระทู้พันทิป)






ตอนนี้ ได้ข้อคิดที่ชัดเจน และง่ายๆ ที่สุด คือ "มารยาทในการใช้ชีวิตในห้องพัก" ที่เราไม่ควรส่งเสียงดังจนสร้างความรำคาญให้กับเพื่อนร่วมห้องนั่นเอง แต่ในเรื่องนี้ผมรู้สึกเห็นประเด็ดยิบย่อยที่สามารถแตกความเห็นได้อีก อย่างเช่น


1. แม้ว่าบางสิ่งที่คนจะคิดเป็นเรื่องเล็ก แต่อาจเป็นปัญหาใหญ่ของใครบางคน

เพราะบางที พฤติกรรมอะไรบางอย่างที่เราดำเนินชีวิตตามปกติ อาจจะสร้างปัญหาหรือก่อความเดือดร้อนให้ใครบางคนก็ได้ อาจจะต้องมาคุยกันเพื่อหาข้อยุติ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กน้อย เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ก็เหมือนชายแก่คนนี้ที่จะไม่สบายเพราะต้องเจอกับเสียงดังๆ ซึ่งทาคายุกิ ก็น่าจะหรี่เสียงทีวี หรือไม่ก็ออกไปเที่ยวเล่นกับแฟนข้างนอกแล้วกลับมาก็ได้

การที่ชายแก่บอกว่าเพราะทาคายุกิเสียงดัง ทำให้สุขภาพตัวเองแย่ อันนี้แหละเป็นสิ่งที่ต้องฉุกคิดเลยว่า บางทีการกระทำอะไรบางอย่าง แค่คำพูดเล็กๆ น้อยๆ หรือความมักง่ายต่างๆ อาจส่งผลร้ายแรงถึงชีวิตก็ได้ หรือจะให้พูดในลักษณะที่คล้ายๆ กัน คือ ปัญหาอะไรบางอย่างนั้น อย่ามองเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะอาจจะเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ยากในภายหลังได้



2. เวลาคนทะเลาะกัน มักจะมองตัวเองเป็นฝ่ายถูก

สังเกตุจากฉากเริ่มแรกของทาคายุกิครับ เวลาคนมีอารมณ์โกรธ ก็มักจะลืมไปหมดว่าเราเคยทำอะไรผิดพลาด อย่างเช่น ชายแก่โกรธที่ ทาคายุกิเปิดทีวีเสียงดัง และทาคายุกิก็โกรธชายแก่ที่บ่นด่าอย่างนั้นอย่างนี้...

ถ้าไม่พูดถึงประเด็นของตอนนี้ การที่เราเห็นคนเราทะเลาะกันเรื่องอะไร ต่างคนก็มักจะเข้าข้างตัวเอง ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล พอใส่อารมณ์กัน ก็เหมือนใส่ไฟ กลายเป็นร้อนเจอร้อน ก็เลยเผามอดไหม้ไปทั้งสองข้าง 

อันนี้ขอนอกทะเลนิดหนึ่ง ซึ่งผมเคยเห็นคลิปสาธิตอวกาศในเกม Universe Sanbox 2 ที่มีคนเอาดวงอาทิตย์ 2 ดวงมาชนกันแล้วเกิดซุเปอร์โนวา จากตรงนี้ก็ทำให้เห็นเลยว่า ถ้าขิงก็ราข่าก็แรงแบบนี้ก็มีแต่เสียกับเสียนั่นเองครับ


3. คนบางคนอาจจะไม่มองเห็นข้อผิดพลาดหรือ "จุดบอด" ของตัวเอง

ตรงนี้เปรียบเทียบเป็น หน้าต่างโจฮารี่ ในบานที่ เราไม่รู้ แต่ เขารู้ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เราเห็นข้อเสียของตัวเองได้ดีที่สุด เมื่อผมลองย้อนดูซ้ำอีกครั้ง ก็ยอมรับว่าทาคายุกิเป็นฝ่ายผิด และชายแก่ก็เตือนมาหลายครั้งแล้ว 

แต่ก็น่าแปลกใจตรงนี้แหละครับว่า ทาคายุกิ โดนเตือนเรื่องอย่าส่งเสียงดังมาหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัวอะไรปานนั้น แม้ว่าชายแก่จะไม่ได้พูดตรงๆ ว่าทีวีเสียงดังก็ตาม... ตรงนี้สื่อได้ว่า เราต้องรู้และยอมรับข้อเสียตรงนั้น เพื่อแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้นครับ

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายชายแก่ก็มีส่วนผิดอยู่บ้าง ถึงแม้จะเข้าใจและเห็นใจว่าเตือนมาหลายครั้งก็จริง แต่พูดด้วยความโมโหแถมอวดอ้างว่าสนิทกับเจ้าของห้อง ก็เหมือนไฟดับไฟ โดยเฉพาะการใช้อารมณ์ในการพูด และการไม่เตือนตรงๆ แบบนี้ แล้วด่าเสียงดังแบบนี้ ก็รบกวนเสียงคนข้างๆ ด้วยเช่นกันครับ


4. เตือนกันดีๆ ไม่ชอบใช่ไหม? ต้องเอาผีมามาสั่งสอน!?

อันนี้ ไม่เชิงกันว่าจะเป็นข้อคิดแต่อย่างใด แต่รู้สึกว่า พอดูตอนนี้จบ ก็นึกขึ้นได้ครับ ซึ่งตรงนี้ ผมไม่ได้คิดว่าชายแก่คนนั้นตายมาเป็นผีหลอกแบบ Instant หรือ มีผีอะไรไปเข้าสิงชายแก่เพื่อมาหลอก แต่มองในส่วนของการที่เอาผีมาหลอก หรือเอาความเชื่อมาใช้เพื่อให้เกิดความกลัวที่จะไม่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง 

ซึ่งยามิชิไบ ก็ทำเนื้อเรื่องในลักษณะนี้มาแล้ว โดยที่ชัดเจนที่สุดคือตอนขโมยร่มใน Season 6 กับตอนที่ห้ามถ่ายรูปในห้องภาพ

และ ผมเคยเห็นข่าวเจ้าหน้าที่เขียนห้ามทิ้งขยะลงคลอง ไม่งั้นจะสาปแช่งเหมือนในข่าวเมื่อปี 2558 ดังรูปนี้...
ป้ายสาปแช่งคนทิ้งขยะลงคลอง (ภาพจาก จส.100)
ทำให้ผมรู้สึกได้ว่า คนเราก็แปลกเหมือนกัน บางทีเตือนกันดีๆ ไม่ฟัง ก็เลยดึงความเชื่อมาเล่น... แทนที่คนจะละอายหรือตระหนักรู้ถึงผลเสียของการกระทำสิ่งนั้น แต่กลับไม่ทำสิ่งนั้นเพราะกลัวผีหลอก หรือกลัวชีวิตจะตกต่ำไปตามคำสาปแช่ง  ถ้ามัวไปกลัวแต่ประโยคข้างหลังแบบนี้ เราจะรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าสิ่งที่เราทำนั้นมันส่งผลเสียแค่ไหน?

จะว่าไป ผมก็มีความเชื่อเรื่องเหล่านี้เห็นเช่นกัน แต่ก็ไม่อยากให้ความมักง่ายของบางคน หรือ การกระทำในสิ่งที่ผิดจนชาชินจนมีคนเดือดร้อนถึงขั้นไปพึ่งความเชื่อหรือสิ่งที่มองไม่เห็น จะต้องรอให้เห็นผีก่อนแล้วค่อยสำนึกหรือเปล่า? ก็ยิ่งทำให้ตรงกับสำนวน "ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา" เข้าไปอีก ถ้าเป็นแบบนี้ แสดงว่าคนหลายๆ ส่วนขาดความรับผิดชอบ จนคนที่เดือดร้อนต้องพึ่งความเชื่อเป็นสิ่งสุดท้าย

ถ้าย้อนกลับมาที่ยามิชิไบ ก็สะท้อนได้เลยว่า การที่ต้องรอให้ชายแก่ตายก่อน แล้วค่อยเงียบทีหลังนั้น ก็คงจะเป็นการกลับตัวที่สายเกินไป... เป็นแน่...



อย่าเปิดอะไรเสียงดังนะจ๊ะ
ความน่ากลัวของตอนนี้ ถือว่าสูงทีเดียว ความโกรธ เป็นสิ่งที่อาจจะน่ากลัวพอๆ กับผีหลอกเลย แต่ฉากบิวต์อารมณ์อาจจะนานไปหน่อยหนึ่ง ในฉากจบนั้น ไม่ว่าชายแก่คนนั้นจะเป็นคนหรือผี พอมาด้วยอารมณ์โกรธ ก็น่ากลัวทั้งนั้นแหละครับ...  แต่อย่างไรก็ตาม ข้อคิดหลักของเรื่องนี้ คือการไม่ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นจนเกินไปนะครับ

ระดับความน่ากลัว : 💀💀💀💀💀💀💀💀 (8/10)
ระดับเนื้อหา : ★★★★★★ (8/10)
ระดับความชอบส่วนตัว : ❤❤❤❤❤ (5/10)
รวมเป็น: 77/100

การที่ได้ข้อคิดอะไรจากยามิชิไบ ก็เป็นการดูที่สนุกไปอีกแบบ ดูเสร็จแล้วอย่าลืมไปแสดงความเห็นกันได้ในพันทิปนะครับ





ความคิดเห็น