สวัสดี "ครูเก๋ วรารักษ์" ผู้ที่หวนกลับคืนมาสร้างเสียงหัวเราะอันทรงพลังอีกครั้ง และการฝึกฝนที่ทุกคนได้บทเรียนชีวิตมากยิ่งกว่าเดิม

ช่วงเกือบ 2 ปีที่ผมหายไปขับ Grab ผมไม่ได้กลับมาเขียนบล็อก แต่ยังคงติดต่อกับครูพี่เก๋ในด้านการบำบัดเฉพาะทางและช่วยงานให้บ้าง และผมติดตามครูพี่เก๋มาก็พบเหตุการณ์ต่างๆ จนเข้าสู่ปี 2023 ที่ผมกลับมาฝึกโยคะหัวเราะและอื่นๆ อีกครั้ง จนได้บทเรียนชีวิตที่เราได้เรียนรู้จากครูพี่เก๋ครับ


เบื้องหลังชีวิตครูพี่เก๋ในปี 2022

เมื่อราวๆ ปลายปี 2021 จนถึงต้นปี 2022 ผมได้ช่วย Edit งานเขียนให้ครูพี่เก๋มาได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งผมก็เห็นถึงมรสุมชีวิตหลายๆ อย่างของครูพี่เก๋ หลังจากที่ขายเครื่องสำอาง kay ไม่เป็นผล ก็ไปลองผิดลองถูกเกี่ยวกับการทำธุรกิจในด้านอื่นๆ รวมไปถึงงานการตลาด ก็ยังไม่เห็นภาพ อีกทั้งมีปัญหาส่วนตัวจนซึมเศร้าถึงขั้นเสียศูนย์

วันนั้นครูพี่เก๋บอกผมว่า จะวางมือจากเป็นครูสอนโยคะ หันตัวไปทำธุรกิจอย่างอื่นที่ได้ทดลองเรียนมา ณ จุดนั้นผมก็ได้มีโอกาสช่วยงานครูพี่เก๋มาพักหนึ่ง แล้วตอนนั้นครูพี่เก๋ไปต่อไม่ไหว จิตใจล้มลง ผมพยายามจะปลอบใจ ว่าโยคะหัวเราะที่ผมได้เรียนรู้มา มันมีค่าต่อผมมาก และการฝึกต่างๆ ทำให้ผมสามารถกู้ชีวิตกลับมารักตัวเองได้อีกครั้ง

หลังจากนั้น เดือนเมษายน ครูพี่เก๋ตัดสินใจไปบวชชีที่สเถียรธรรมสถาน แบบลาขาดจากทางโลก วินาทีนั้นทำให้ผมใจหาย ว่าคนสำคัญของชีวิตกำลังจะหายไป ผมก็เลยเขียนข้อความขอบคุณครูพี่เก๋สำหรับทุกสิ่งที่ทำให้ผมกลับมายืนขึ้นได้อีกครั้ง และคิดว่า ถ้ามีโอกาสได้ไปกรุงเทพฯ ผมก็จะไปเยี่ยมแม่ชีแก๋ที่นั่น...

คอร์สอานาปานสติโยคะหัวเราะ (สามารถเรียนย้อนหลังได้ในปัจจุบัน)

แต่หลังจากนั้น เดือนพฤษภาคม ครูพี่เก๋สึกกลับมาทำงานต่อที่บ้านคีตา  พร้อมกับออกแบบหลักสูตร "อานาปานสติโยคะหัวเราะ" หลักสูตร 10 สัปดาห์ เรียนออนไลน์สดๆ มีคลิปย้อนหลัง ซึ่งผมได้เสียเงินค่าคอร์สเรียนไป เพื่อเป้าหมายถัดไปของตัวเองที่อยากจะก้าวต่อไป

ต่อมา ครูพี่เก๋เปิดหลักสูตร "พลังแห่งโยคะนิทรา" ซึ่งยกหนังสือที่เคยเขียนมาสอนแบบออนไลน์ให้คนที่สนใจได้เข้าเรียนและฝึกกันแบบจริงจัง เพื่อทดลองให้เห็นผลว่าจะสำเร็จมากน้อยแค่ไหน

สถานกาณ์โควิดในปลายปีเริ่มคลี่คลาย ผู้คนเลิกตื่นตูมหวาดกลัว และอยากจะออกมาใช้ชีวิตปกติโดยไม่ต้องสวมหน้ากากปิดจมูกปิดปาก จากการที่สังเกตบ้านคีตาผ่าน Facebook เป็นระยะ จะเห็นได้ว่า ธุรกิจโรงแรมเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางข้ามจังหวัดข้ามประเทศได้ง่ายขึ้น

นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาพักแรมที่บ้านคีตา พร้อมกับเข้ารับการฝึกบำบัดในด้านต่างๆ

ครูพี่เก๋ได้ทำการปรับเปลี่ยนบ้านคีตา เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง และจัดคอร์สบำบัดหลายๆ อย่าง ทั้งโยคะหัวเราะ โยคะนิทรา อานาปนสติ ระบายสีแมนดาลา น้ำมันหอมระเหย การอ่านดวงชะตาผ่านแผนที่ดวงดาว (Skyview Astrology) และทุกๆ เช้าที่โรงแรมมีแขกเข้าพัก ครูพี่เก๋ได้จัดโยคะปกติและโยคะหัวเราะยามเช้า ให้กับผู้เข้าพักและผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมได้ โดยเปิดโอกาสให้ "จ่ายตามกำลังที่มี" หรือ Pay as your wish

ครูพี๋เก๋ได้แสดงความเห็นอย่างหนึ่งให้ผมฟังว่า เดี๋ยวนี้ครูพี่เก๋จำเป็นที่จะต้อง "เก็บเงิน" แล้ว เพราะตอนที่ทำคอร์สฟรีแบบไม่เสียเงิน คนที่มาเข้าก็จะไม่เห็นคุณค่าของในสิ่งที่ทำ เมื่อผมคิดถึงตรงนี้แล้ว ผมรู้สึกเห็นด้วยครับ เพราะผมเคยฝึกโยคะหัวเราะฟรีๆ ยังได้หัวใจในการรักตัวเองกลับคืนมา ดังนั้นมันสมควรที่จะมีแรงสนับสนุนเป็นมูลค่าทางการเงินเสียบ้าง 

ทุกอย่างย่อมมีต้นทุนครับ การมีเงินก็เหมือนเป็นแรงขับเคลื่อนให้ธุรกิจได้ไปต่ออย่างมั่นคง แต่ไม่ใช่การโหยหาเงินเกินจนไปจนไม่ได้สนใจหรือมองข้ามประโยชน์ของผู้อุปโภค/บริโภคที่ควรจะได้รับ 

จะว่าไปแล้ว ผมเคยเล่นเกมอะไรสักอย่างหนึ่ง พอเปรียบเทียบกับเกมที่เล่นฟรี กับเกมที่จ่ายเงินซื้อ/เติมเงิน มันจะรู้สึกแตกต่าง พอเล่นฟรี เล่นไปสักพักก็เบื่อ ไม่เห็นมีอะไร ไม่ค่อยเข้าใจอะไร และไม่ค่อยตั้งใจเล่นนัก แต่พอเป็นเกมที่ผมซื้อมาเล่นจริงๆ จังๆ ทำให้เล่นได้ยาวนานและมีความตั้งใจที่จะเล่นเกมนั้นให้ดีเพื่อให้เกิดความรู้สึกคุ้มค่าต่อเงินที่จ่ายไป

หลังจากที่ครูพี่เก๋กลับมาสอนโยคะหัวเราะ ฝึกสอนด้านการบำบัด และได้เดินสายไปเป็นวิทยากรทำ Workshop ต่างๆ งานเดิมๆ ที่ครูพี่เก๋เคยทำก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมกับที่ผมเคยเห็นมาในปี 2019 แต่สิ่งที่เพิ่มเติมคือ พลังบวกที่เข้มแข็งทรงพลังยิ่งกว่าเดิม

จนกระทั่งปี 2023 ครูพี่เก๋ได้ผ่านการรับรองเป็น "ครูผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกสอนโยคะหัวเราะ" (Master Trainner of Laughter Yoga) จากดร.มาดาน คาทาเรีย ที่ทำให้การฝึกนั้นทรงพลัง ขจัดความเครียด และเติมเต็มพลังบวกให้ทรงพลังมากขึ้นกว่าที่เคยครับ


สัญญาณหัวใจที่ดังขึ้นเรื่อยๆ

ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมากับการที่ไปทำงานขับ Grab เพื่อเลี้ยงชีพ เหมือนชีวิตผมจะหยุดชะงักเพราะขาดระเบียบวินัยด้านการแบ่งเวลาไป พอถึงเวลาพักผ่อนก็ปล่อยตัวเองให้ไหลไปวันๆ อยู่อย่างนั้นจนเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว อยากจะกลับไปเขียนบล็อก เขียนนิยายที่เคยทำ เพราะนั่นคือสิ่งที่รักและความฝันที่เป็น ชีวิตเริ่มว่างเปล่า มันเหมือนหลับทั้งเป็นมานานมาเกินควรแล้ว อยากจะ "ไป" ในสิ่งที่ตัวเองควรจะไป

(ช่วงนั้นได้ฟังเพลง Something Comforting ของ Porter Robinson แล้วฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง)

จนมาปี 2023 นี้ ปัญหาหลายด้านมันสะสมมาเรื่อยๆ จนเริ่มจะพ่นพลัง Toxic ออกจากปาก เหมือนกำลังเลียนแบบใครบางคนที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในครอบครัว... ผมไม่อยากเป็นคนแบบนั้น...

สัญญาณหัวใจตัวเองมันส่งเสียงเตือนว่า มันไม่ไหวแล้ว ร่างกายและจิตใจต้องเข้ารับการบำบัด หรือหาทางเอามันออกไป นั่นทำให้ผมนึกถึงครูพี่เก๋ จึงติดต่อขอทำ TRE

ในจังหวะนั้น ครูพี่เก๋เปิดสอนพลังโยคะนิทรา Season ที่ 3 ก็เลยนัดวันกับครูพี่เก๋แล้วจ่ายเงินเสร็จสรรพ ครูพี่เก๋จึงจัดสินใจเปิดเป็น Workshop ให้กับผู้ที่สนใจและผู้ที่เข้าพักในบ้าน ได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน

และนี้คือ การมาพบกันราวกับพรหมลิขิต ที่แต่ละคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันที่บ้านคีตาครับ


Workshop of Destiny ที่บ้านคีตากับครูเก๋ วรารักษ์


เช้าวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ปี 2023 ผมเดินทางมาที่บ้านคีตาอีกครั้ง นอกจากเพื่อนๆ ในกลุ่มแล้ว ยังมีอาจารย์ ผู้สนใจ และผู้เข้าพักชาวฝรั่งเศส กับ เนเธอร์แลนด์ เข้ามาทำกิจกรรมร่วมกัน ทุกคนได้เล่าประวัติเล็กๆ น้อยๆ และทุกคนล้วนมีความเครียดความเจ็บปวดในอดีต ที่อยากจะหาทางกำจัดออกเพื่อรักษาตัวเอง ทำให้ผมรู้สึกได้ว่า ทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันที่จะรักษาบำบัดจิตใจตัวเอง ราวกับพรหมลิขิตที่ให้มาเจอกัน และคืนก่อนวันฝึก มีฝนตกฟ้าคะนอง ทำให้ช่วงเช้าได้กลิ่นหอมจากน้ำฝนก่อนในระหว่างเดินทาง เหมือนเป็นสัญญาณอะไรบางอย่างที่ทำให้ได้มาเจอกันแบบนี้ครับ


ที่ผมกล่าวไว้ตอนต้นว่าจะทำ TRE นั้น เป็น Workshop สำคัญอย่างหนึ่งของผมเลยก็ว่าได้ TRE ย่อมาจาก 'Tension & Trauma Release Exercises' ที่ครูพี่เก๋เรียกเป็นภาษาไทยว่า "การขจัดความเครียดที่ฝังลึกออกจากระดับร่างกาย" ที่จะช่วยให้ร่างกายปลดปล่อย Toxic ที่มองไม่เห็นออกจากร่างกายด้วยการ โพสท่าค้างไว้เป็นขั้นเป็นตอน ทำให้ร่างกายเกิดอาการสั่นไหวเพื่อสลัดความเครียดออกโดยธรรมชาติ แล้วร่างกายรู้สึกปลอดโปร่ง ตัวเบา โล่งสบายมากยิ่งขึ้น การทำงานของสมองจะนิ่งลง และสร้างสมาธิให้กับตัวเราด้วย ในระหว่างนั้นเราจะไอ จาม หรือผายลมออกมา ล้วนเป็นกระบวนการทางธรรมชาติของร่างกายที่กำลังขับสิ่งที่ไม่ดีออกไปครับ


หลังจากการฝึกครั้งนี้ รู้สึกตัวเบาอย่างเห็นได้ชัด เคลื่อนไหวคล่องขึ้น แต่มีผลข้างเคียงเป็นอาการเมื่อยต้นขา (อาจเกิดจากฝึกผิดท่า หรือหักโหม หรือเปลี่ยนท่าไวเกินไป) ช่วงที่ผมชอบที่สุดคือ ท่านอนอ้าขาประกบฝ่าเท้า ซึ่งเป็นช่วงหลังของขั้นตอน เพราะช่วงนั้นจะมีอาการสั่นราวๆ กับร่างกายกำลังจะสะบัดสารพิษออกไป และยังรู้สึกยิ้มง่ายกว่าเดิมครับ พอกลับไปบ้าน ร่างกายขับถ่ายของเสียออกกลางดึก ดูลักษณะสีเหมือนจะเป็นของที่ตกค้างในร่างกายมานานอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนครับ

ส่วนคนอื่นๆ อย่างผู้เข้าพักคนหนึ่งที่มีอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง หลังจากฝึกเสร็จอาการทุเลาลง และนักท่องเที่ยวชาวเนเธอร์แลนด์ที่สีหน้าดูคร่ำเครียดตลอดเวลา กลับมีหน้าตาที่ผ่องใสมีเลือดไหลเวียนทั่วใบหน้าดูอิ่มเอมอย่างเห็นได้ชัด


เสร็จจาก TRE ทุกคนเข้าสู่การเล่นโยคะหัวเราะ นอกจากหัวเราะประกอบท่าทางต่างๆ และใช้จินตนาการให้พวกเราเล่นเป็นเด็กๆ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ เล่นกันสุดเหวี่ยง หัวเราะกันสุดแรงโดยไม่ต้องแคร์โลกภายนอกใดๆ ทั้งสิ้น

เสร็จแล้ว จะเป็นการเข้าสู่โยคะนิทรา นอนสมาธิ ในวังวนของผมนั้น รู้สึกสมองปลอดโปร่ง จินตนาการว่าตัวเองกำลังนอนบนทุ่งย่าอันนุ่มๆ ท่องฟ้าสดใส มีลมอ่อนๆ ความคิดสงบลงมาก และรอคอยฟังคำสั่งจากครูพี่เก๋ในการฝึกท่าต่อๆ ไป หลังจากนอนเสร็จ ทุกคนเปลี่ยนมาเป็นท่านั่งสมาธิ โดยครูเก๋สั่งให้เปล่งเสียงลากยาวเป็นคำๆ และให้อยู่ในท่านิ่งๆ สักพักก่อนลืมตาเป็นอันจบขั้นตอน


ครั้งนี้เห็นได้ชัดถึงความเชี่ยวชาญขั้นสุดของครูพี่เก๋ ที่เห็นถึงความ "สมบูรณ์แบบ" ของโยคะหัวเราะ ซึ่งครูพี่เก๋เคยสอนว่าเสมอว่า ในระหว่างหัวเราะด้วยท่าต่างๆ จะต้องสบตากับผู้ร่วมฝึกซึ่งกันและกัน หัวเราะแบบไม่ต้องคิดอะไร และหลังจากหัวเราะเสร็จ เล่นเสร็จแล้ว จะต้องเข้าสู่กระบวนการของโยคะนิทรา เพื่อเข้าสู่สมาธิ (Grounding) และจิตอันนิ่งสงบอยู่เสมอ จึงจะเห็นผลในการรักษาและบำบัดครับ

ผลลัทธ์ที่ได้สำหรับผมในครั้งนี้คือ เหงื่อออกเยอะทั้งๆ ที่อากาศไม่ร้อนเท่าไรนัก แต่นั่นเป็นกระบวนการของร่างกายที่ขับสารพิษออกมา และยังรู้สึกว่าหัวใจนิ่งสงบราวกับหยุดเต้นไปเลย และยังหายใจได้ลึกและยาวขึ้น ส่วนคนอื่นๆ รู้สึกร่างกายเบาพริ้ว นอนหลับสบายมากขึ้น 

Workshop ครั้งแรกของปี 2023 นี้ ประสบความสำเร็จอย่างมาก ที่ทำให้เราเข้าถึงความสามารถของการ "รักตัวเอง" ให้เป็นมากขึ้นครับ


ครูพี่เก๋เล่าให้ฟังว่า การทำโยคะหัวเราะร่วมกับคนหลายๆ คน จะทำให้เสียงหัวเราะทรงพลัง โดยเฉพาะเวลาที่ครูพี่เก๋ได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรฝึกหัวเราะให้กับผู้ปฏิบัติธรรมที่ไร่เชิญตะวันของพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ซึ่งมีผู้เข้ามาฝึกกว่า 800 คน ทำให้เสียงหัวเราะดังกระหึ่มกึกก้อง สะท้อนพลังงานแห่งความสุขที่ยิ่งใหญ่มากครับ

และครูพี่เก๋มองว่า สังคมไทยไม่ได้ให้ความสำคัญต่อเสียงหัวเราะมากกว่าที่ควร แต่คนทั้งโลกเริ่มมองเห็นผลลัทธ์อันน่าทึ่งของโยคะหัวเราะแล้วว่า ช่วยให้มีสุขภาพดีขึ้นจริง ดั่งคติคำสอนของ ดร.มาดาน คาทาเรีย ที่เคยกล่าวไว้ว่า "Laughter is the best medicine" เสียงหัวเราะเป็นยาที่ดีที่สุดสำหรับชีวิต เราไม่ได้มาหัวเราะกันเฉยๆ แต่เราหัวเราะเพื่อสุขภาพครับ

บทเรียนที่ได้เรียนรู้จากครูพี่เก๋


การหวนกลับคืนมาเป็นครูฝึกสอนของครูพี่เก๋ในครั้งนี้ ดูยิ่งใหญ่ และ ทรงพลังมากกว่าเดิม ตลอดเวลาที่ผมเห็นความพยายามต่างๆ ของครูพี่เก๋จากอดีตที่ผ่านมาทั้งหมด ทำให้ผมได้ข้อคิดสอนใจตัวเองได้ว่า ไม่ว่าวัยไหนๆ ก็มีช่วงเวลาที่ล้มลุกคลุกคลาน ลองผิดลองถูกได้เสมอ ทุกคนมีสิทธิ์เจ็บปวดได้เป็นธรรมดา

เมื่อย้อนกลับมามองการฝึก TRE แล้วเจอผลข้างเคียงเป็นอาการปวดต้นขา มันก็เหมือนเป็นความผิดพลาดและความเจ็บปวดที่ต้องเจอ เพราะผมอยากจะสลัดความเครียดออกไป ผมจึงยอมรับความเจ็บปวดอันนี้ได้ เพราะถ้ามัวแต่กลัวการเจ็บปวด ผมคงไม่ไม่มีทางหลุดพ้นจากความเครียดออกไปได้ เพราะทุกๆ เป้าหมาย ล้วนมีอุปสรรค ก่อนที่เราจะสำเร็จ ต่างก็เจอเรื่องผิดพลาด ล้มเหลว เจ็บปวดเป็นธรรมดา

และการกลับมาของครูพี่เก๋ คือการ "กลับคืนมาเป็นตัวของเรา เป็นใจของเราจริงๆ" เป็นบทเรียนชีวิตที่ดีที่เราควรจะกลับมาเป็นตัวของตัวเองให้หนักแน่นและมั่นคง ไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งอื่นๆ ฟังเสียงหัวใจของตัวเองให้ชัดแล้วลงมือทำมันลงไปโดยไม่ต้องไปสนใจสิ่งต่างๆ ที่อยู่ภายนอก... 


นั่นทำให้ผมเริ่มพบคำตอบที่กำลังมองหาอยู่แล้วว่า จะหาไฟที่ไหนมา "จุดความกล้า" ให้ความฝันของตัวเองให้ไปต่อ เพื่อที่จะกลับมาทำตามความฝันของตัวเองได้อีกครั้ง รวมไปถึงชีวิตส่วนตัวที่อยากจะทำอะไรสักอย่าง ก็ควรที่จะมองว่า เป็นเรื่องธรมดาที่เราจะต้องเจออุปสรรคด้านความเหนื่อยล้าเจ็บปวด แต่นั่นเราก็จะต้องเข้มแข็งต่อเป้าหมายที่ต้องไปให้ได้ โดยไม่คิดว่าเราจะเด่นหรือด้อยเรื่องอะไรก็ตาม ทิ้งมัน แล้วไปโดยไม่ต้องคิดกังวลหรือสงสัยอะไร

ก็เหมือนหัวใจของผมที่ละเลงเขียนบทความลงบล็อกหอยทากในครั้งนี้และต่อๆ ไป ผมไม่สนว่าฝีมือผมจะเก่งหรือด้อย ไม่ขึ้นอยู่กับคำตัดสินของใครแม้กระทั่งตัวเอง สิ่งที่ผมทำอยู่ ก็แค่ "เขียนมันลงไป" โดยไม่ต้องคิดอะไรนั่นเองครับ

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากครูพี่เก๋ ที่ทำให้ผมเริ่มยอมรับอุปสรรคนี้ได้ดีขึ้น แค่กลับคืนมาเป็นตัวของตัวเอง ยอมรับถึงความมีอุปสรรคที่เป็นเรื่องธรรมดา แล้วเดินทางไปสู่เป้าหมายด้วยจิตใจอันเข้มแข็ง ก็ประสบความสำเร็จได้นั่นเองครับ


สำหรับใครที่สนใจอยากจะมาทำโยคะหัวเราะ ฝึก Workshop บำบัดในด้านต่างๆ สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจ "คืนเสียงหัวเราะที่หายไป by ครูเก๋ วรารักษ์" หรือเข้ามา Check-In เจอกับครูพี่เก๋ที่บ้านคีตาได้ ซึ่งจะมีกิจกรรมโยคะหัวเราะในยามเช้า ที่สามารถจ่ายได้ตามกำลังประสงค์ (Pay as your wish)

หากหน่วยงานหรืองค์กรท่านใดที่ต้องการให้ครูพี่เก๋ไปเป็นวิทยาการทำ Workshop ของท่าน ก็สามารถติดต่อครูพี่เก๋ผ่านเพจ Facebook หรือไลน์ School of Laughter โดยผมจะทิ้งช่องทางการติดต่อไว้ท้ายบทความครับ

ขอขอบคุณรูปถ่ายส่วนหนึ่งจากคุณ Laureline & Corentin ช่างภาพและ Content Creator ชาวฝรั่งเศสที่มาเข้าพักและทำกิจกรรมที่บ้านคีตาครับ, "Merci à Laureline et Corentin d'avoir pris des photos de nos activités. Je vous souhaite de profiter pleinement de ces activités et de passer un excellent voyage." (แปลคำขอบคุณโดยใช้ ChatGPT)



บทความและแหล่งอ้างอิงอื่นๆ
หัวเราะเป็นยา สร้างปอดแข็งแรง - จาตุรงค์ กอบแก้ว จาก salika.co
Laughter is the best medicine - บทความภาษาอังกฤษจาก impactinternational.com
- คลิป Reel บ้านคีตาบน Instargram - ถ่ายโดย Laureline​ &​ Corentin ชาวฝรั่งเศส
- Instragram ของ Laureline​ &​ Corentin นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส

ช่องทางการติดต่อครูพี่เก๋
- Line: @KAYMIRACLES
- QR Code กลุ่ม Open Chat ของ School of Laughter (รูปด้านล่าง)

ความคิดเห็น