จงหัวเราะต่อไป ไม่หยุดพัฒนาตัวเองทั้งครูฝึกและผู้ปฏิบัติ

ครูพี่เก๋เคยสอนไว้ว่า "จงอยู่กับคนที่มองเห็นคุณค่าในตัวเรา" เพราะคนเหล่านี้คือกระจกที่ส่องให้เห็นถึงสิ่งดีๆ ที่สร้างการนับถือตัวเอง จนสามารถรักตัวเองเป็นได้ในที่สุด... และนั่นก็เป็นจริง คนบางคนกว่าจะรักตัวเองเป็นได้ อาจจะต้องมีใครสักคนช่วยค้นหาด้านดีๆ ไว้ ถ้ายังไม่เห็นใคร สิ่งที่ทำได้คือการ "ค้นหาคนๆ นั้น" นั่นเอง

เวลาที่มีใครล้มลงสักคน หลายคนส่วนใหญ่เลือกที่จะส่งเสียง ออกคำสั่งเพื่อให้ลุกขึ้นยืน และบางครั้ง ก็จะส่งเสียงที่รุนแรงประชดประชันแล้วก็จากไป มากกว่าอ่อนโยนเสียด้วยซ้ำ... แตกต่างจากอีกกลุ่ม ที่ยื่นมือเข้าไปดึงแขน ช่วยประคับประคอง ให้ยืนขึ้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ และสอนสร้างวิธีที่ยืนนั้นจนสามารถทำได้ด้วยตัวเองอย่างแท้จริง

ซึ่งครูพี่เก๋ คือหนึ่งในคนประเภทหลังที่ใช้เสียงหัวเราะ และศาสตร์บำบัดต่างๆ ให้คนที่เคยล้มอย่างผม เริ่มกลับมารักตัวเองเป็น เริ่มเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมมาทำโยคะหัวเราะกับครูพี่เก๋บ่อยๆ... สำหรับครั้งนี้ (พฤศจิกายน 2023) ผมได้มีโอกาสมาทำโยคะหัวเราะ 3 วันติดต่อกัน และเป็นโอกาสอย่างหนึ่ง ที่ผมได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ที่สามารถเทียบได้เป็น SUPERNOVA สำหรับโยคะหัวเราะของไทยครับ

ดาวฤกษ์ 4 ดวง ไปรับพลังงานจากดาวยักษ์แห่งแดนภารตะ

(จากซ้ายไปขวา) ครูวันเพ็ญ ครูพี่เก๋ ครูบุษ และ ครูแอนท์
ที่เดินทางไปประชุมหัวเราะโลกที่อินเดียเมื่อกลางเดือนตุลาคม 2023
 

เมื่อวันที่ 15 - 21 ตุลาคม ปี 2023 ครูพี่เก๋ ออกเดินทางไปงานประชุมโยคะหัวเราะโลก ภายใต้ชื่อ "World Laughter Yoga Conference 2023" จัดขึ้นที่เมืองนาสิก รัฐมหาราษฏระ ประเทศอินเดีย จัดขึ้นในระหว่างที่ 16 - 20 ตุลาคม แน่นอนว่า งานประชุมนี้จัดขึ้นโดย สถาบันโยคะหัวเราะนานาชาติ (Laughter Yoga International) ของ ดร.มาดาน คาทาเรีย (Madan Kataria) อาจารย์ผู้สถาปณาสถาบันแห่งเสียงหัวเราะให้ขยายเป็นวงกว้างไปทั่วโลก

ซี่งนี่ คือจุดเริ่มต้นของครูพี่เก๋ ที่เริ่มเดินทางด้วยเสียงหัวเราะตั้งแต่ ปี 2015 นับเป็นเวลา 8 ปี ที่ครูพี่เก๋ได้ไปหา ดร.มาดาน อีกครั้ง สำหรับครั้งนี้ครูพี๋เก๋ไม่ได้ไปเพียงคนเดียว ยังมีครูสอนโยคะอีก 3 คน ประกอบไปด้วย ครุบุศ ครูแอนท์ และ ครูวันเพ็ญ เข้าร่วมเดินทางไปเพิ่มพลังงานแห่งเสียงหัวเราะด้วยกัน เป็นตัวแทนแห่งเสียงหัวเราะของไทย ที่จะไปเติมประสบการณ์อันล้ำค่า ที่จะนำพลังงานแห่งความเบิกบาน กลับมาขยายสู่ประเทศไทย


พิธีเปิดประชุมหัวเราะโลก ที่ทุกคนสื่อสารด้วย "ภาษาหัวเราะ"
อันทรงพลังอินเดีย (คลิป YouTube ช่อง Laughter Guru)

ตลอด 5 วันที่มีการละเล่น กิจกรรมต่างๆ ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ทุกๆ คนที่มาที่นี่ ล้วนหัวเราะกันอย่างจริงจัง สนุกสนาน และเบิกบาน แม้จะต่างชนชาติ ต่างภาษา แต่ทุกคนสามารถสื่อสารเป็นภาษาเดียวกัน นั่นคือ "ภาษาหัวเราะ" และด้วยความจริงจังของครูพี่เก๋ ที่หนักแน่นในเสียงหัวเราะ ทำให้ครูพี่เก๋ได้รับใบประกาศนียบัตร เป็น MASTER TRAINNER โยคะหัวเราะจาก ดร.มาดาน ในปี 2023 ครับ

ครูพี่เก๋ ได้เป็น Master Laughter Trainner คนแรกของไทยตั้งแต่ปี 2023

หลังจากนี้ ครูพี่เก๋ ยังคงเดินสายสร้างเสียงหัวเราะ เพื่อสร้างพลังบวกให้กับทุกๆ คนต่อไปจนถึงวันนี้ และแต่งหนังสือ "คัมภีร์ 12 ช่องทางหัวเราะเงินล้าน" เพื่อเอาเสียงหัวเราะเป็นเครื่องมือ ในการพัฒนาศักยภาพทางการเงิน ในการดึงดูดรายได้ให้เข้ามามากยิ่งขึ้น


SUPERNOVA แห่งโยคะหัวเราะแดนสยาม

และนั่น จึงทำให้ผมตัดสินใจมาทำโยคะหัวเราะเมื่อมีโอกาส เพื่อสร้างพลังบวก และลบ Toxic ทางใจออกไปครับ สำหรับครั้งนี้ (วันที่ 18-20 พฤศจิกายน 2023) ผมได้มีโอกาสหัวเราะ 3 วันติดในช่วงเช้า และได้เข้าร่วมกับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่าน ที่กำลังร่วมสร้าง "โปรเจกต์ยักษ์" ขึ้นมาครับ

อ.เต้ย ครูพี่เก๋ อ.คิว อ.ปูน ร่วมกันสร้างโปรเจกต์ยักษ์
สำหรับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษทั้ง 3 ท่าน ประกอบไปด้วย
* อ.คิว พลัฏฐ์ - อาจารย์ผู้ชํานาญด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ การพัฒนาศักยภาพด้วยจิตใต้สํานึก
* อ.เต้ย เมธาพัฒน์ - วิทยากร นักจิตวิทยาการให้คําปรึกษา
* อ.ปูน ทชภณ - ทีปรึกษาโครงการเพือความยังยืนด้านสังคม

ทั้ง 3 ท่านนี้ ได้มาเดินทางมาร่วมเรียนรู้ และศึกษาเกี่ยวกับโยคะหัวเราะ ทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อค้นหาประโยชน์ที่จะนำไปปรับเข้าใช้ในด้านต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงได้ทุกคน ทุกระดับ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกช่วงเวลาในชีวิตประจำวัน

Logo มหาวิทยาลัยหัวเราะแห่งประเทศไทย (C)2023 LUOT

เพื่อให้โยคะหัวเราะออกมาเป็นรูปธรรม จับต้องและเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น ครูพี่เก๋และอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่านจึงร่วมกันก่อตั้ง "มหาวิทยาลัยหัวเราะแห่งประเทศไทย" (Laughter University of Thailand) ขึ้น ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2023 โดยมี ดร.มาดาน เป็นที่ปรึกษาโดยตรง ของโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่นี้ครับ


ดาวหางที่โคจรรับพลัง SUPERNOVA จากดาวฤกษ์ 3 รอบ

การฝึกครั้งนี้ไม่มีรูปภาพประกอบ ก็เลยใช้ภาพ AI มาประกอบแทนครับ (สร้างโดย DreamStudio)

สำหรับการฝึกโยคะหัวเราะ 3 ติดนั้น ในแต่ละวันจะฝึกหลายรูปแบบ ซึ่งแสดงผลลัทธ์อย่างหนึ่ง ที่สัมผัสได้อย่างชัดเจน ตรงนี้ทำให้ผมมองเห็นองค์ประกอบ และขั้นตอนสำคัญของโยคะหัวเราะได้ชัดขึ้น การหัวเราะจะมีท่าต่างๆ ทั้งการ ร้อง การเล่น เต้น โดยจะหัวเราะไปพร้อมๆ กัน และเป็นการหัวเราะแบบไม่มีเงื่อนไข... 

แต่ถ้าจะหัวเราะแล้วจบเลยนั้นไม่ใช่! เพราะโยคะหัวเราะจะดำเนินเป็นขั้นตอน โดยเริ่มจาก การบริหารเริ่มต้น, การหัวเราะด้วยท่าทางต่างๆ, และจบที่โยคะนิทรา ในการสร้างสมาธิและสภาวะจิตอันสงบนิ่ง

การเล่นเหมือนเป็นเด็กๆ ช่วยทำให้จิตใจได้ปลดปล่อยสิ่งต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น (สร้างโดย DreamStudio)

การฝึกวันแรก ผมเริ่มมองเห็นถึง การละเล่นไปพร้อมกับหัวเราะได้แล้วว่า การที่เล่นอะไรมั่วๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะนั้น คือการสร้าง "ความคิดสร้างสรรค์" ไปในตัว เป็น "ความมั่วทีไม่มั่ว" เหมือนกับกลุ่มเด็กๆ ที่ไม่รู้ว่าจะเล่นอะไรดี ก็มาเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน โดยไม่สนผิดสนถูกใดๆ ซึ่งความไม่มีเงื่อนไข ไม่มีอะไรมาตีกรอบ จะทำให้รู้สึกสนุกสนาน เบิกบานใจได้ง่าย และช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ไปในตัว

นอกจากนี้ มีการเล่นจำลองสถาการณ์ด้านลบมาเป็นเสียงหัวเราะ โดยมีคำสั่งจำลองสถาการณ์ต่างๆ เช่น เงินหมด, ถูกเจ้านายด่า, คะแนนสอบไม่ดี ฯลฯ แล้วทำท่าทางเลียนแบบด้วยเสียงหัวเราะ เพื่อสื่อว่า เอาเสียงหัวเราะ มาช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา และช่วยลดความกังวลให้กับจิตใจ

หลังจากหัวเราะเสร็จ จึงเข้าสู่กระบวนการของโยคะนิทรา เป็นการทำสมาธิ สร้างความสงบทางจิตใจ ซึ่งครูพี่เก๋สอนว่า ขั้นตอนนี้ร่างกายจะผลิตภูมิคุ้นกันต่างๆ ออกมา


การฝึกวันต่อมา เป็นการได้ทบทวนถึงสิ่งที่ครูพี่เก๋ได้เตือนมา ในเรื่องของการสบตา เพราะนั่น เป็นสิ่งสำคัญของการฝึกการเข้าสังคม และการสื่อสารกับคนอื่นๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน และฝึกโยคะนิทรา ในรูปแบบของการจัดแผนที่สมอง ที่ให้เราหลับตาย้ายจิต ไปสัมผัสและรับรู้ ต่ออวัยวะต่างๆ เป็นการฝึกสติ ให้รับรู้ถึงอวัยวะต่างๆ ของเราเป็นอย่างดี


หนึ่งในพนักงานร้าน "มาลองเต๊อะ" สาธิตการฝึกโยคะหัวเราะก่อนปฏิบัติงาน

ช่วงบ่าย ครูพี่เก๋พาอาจารย์ทั้ง 3 ท่าน ไปดูตัวอย่างการใช้โยคะหัวเราะในองค์กรต่างๆ ที่ร้านอาหารมาลองเต๊อะ พนักงานทุกคน นำโยคะหัวเราะไปฝึกบริหารก่อนเข้างาน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีต่อตัวเอง ร่วมงาน และสามารถรับมือกับลูกค้าประเภทต่างๆ ได้อย่างราบรื่น จนสร้างความประทับใจต่อผู้ที่มาใช้บริการได้เป็นอย่างดี


สำหรับวันที่สาม ผมขอครูพี่เก๋ ให้หัวเราะด้วยการใช้ท่าเต้น เพราะการเต้น เป็นการบริหารร่างกายแบบง่ายๆ ทำให้ผ่อนคลาย และสนุกสนาน ตามทฤษฎี Motion Creates Emotion ยิ่งเคลื่อนที่ ยิ่งสร้างความเบิกบานทางอารมณ์ ซึ่งผมชอบท่าเต้นมาก เพราะได้ปลดปล่อยมากที่สุด


ตัวอย่างคลิปท่าเต้นบอลีวูดหัวเราะ ที่ ดร.มาดาน อัดไว้

ครูพี่เก๋เปิดคลิปเพลงหัวเราะต่างๆ ที่ ดร.มาดานอัดไว้ลง YouTube ที่มีการร้องเพลง การเต้นด้วยจังหวะต่างๆ และมีท่าเบรกหัวเราะคั่นเอาไว้ นอกจากนี้ ยังมีการร้องเพลงหัวเราะ ด้วยคำศัพท์และท่าทางง่ายๆ อย่างเพลงปอกผลไม้หัวเราะ

นอกจากนี้ มีท่าเต้นแบบเพลงเร็ว ที่ผมใส่ท่าเต้นยับๆๆๆๆ จนเหนื่อยแทบจะหัวเราะไม่ออก และโดนอาจารย์แซวว่าเหมือนเด็ก 10 ขวบครับ (555+) แต่นั่นก็รู้สึกสนุกสนานมาก จนลืมทุกสิ่งทุกอย่างภายนอกออกไปแทบทั้งหมดครับ

และยังมีเพลงโยคะหัวเราะแบบเบาๆ แบบง่ายๆ เอาไว้ช่วยให้สภาพร่างกายค่อยๆ สงบลงเพื่อเตรียมเข้าสู่กระบวนการโยคะนิทรา และยังสามารถนำไปใช้ได้ กับคนที่กำลังเศร้าเกินกว่าที่จะมีแรงหัวเราะได้  ทั้งหมดนี้ ทำให้เห็นได้ว่าโยคะหัวเราะ มีหลายแบบ หลายระดับ ให้ผู้ปฏิบัติไปฝึกใช้ได้อย่างเหมาะสม

ภาพ AI จำลองโยคะนิทราแบบท่านอนรวมหัวในจุดเดียวกัน (สร้างโดย DreamStudio)

เมื่อเข้าสู่กระบวนการของโยคะนิทรา ก็ได้เรียนรู้เรื่องการเข้าถึงสมาธิ ให้จิตปล่อยผ่านความคิดที่ผุดขึ้นมา เพื่อให้เราสามารถมองเห็นจิตตัวเองได้ชัดเจนขึ้น โดยไม่ไปมีอารมณ์ร่วมกับสิ่งนั้น หรือไปรู้สึกตามความคิดที่เข้ามาในหัว เหมือนเป็นการถูกสะกดจิตให้นิ่ง ไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งที่ผ่านปราสาทสัมผัสทั้งภายในและภายนอก ทำให้เราควบคุมสภาพจิตใจของตัวเองได้ง่ายขึ้น


ผลการโคโจรรอบดาวฤกษ์ 3 รอบ

โยคะหัวเราะก็ทำให้จิตสงบ และสร้างความเป็นสันติสุขในตัวได้ (สร้างโดย BingAI)

ภาพรวมของการฝึกติดต่อกัน 3 วัน ในด้านวิธีและกระบวนการ เราจะได้ทบทวนขั้นตอนต่างๆ จนจำขั้นตอนที่ถูกต้องได้ โดยเฉพาะเวลาที่หัวเราะด้วยกัน จะต้องสบตาต่อคนข้างๆ อยู่เสมอ และได้เรียนรู้ท่าโยคะหัวเราะหลากหลายรูปแบบ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และสถานการณ์ต่างๆ ได้

ครูพี่เก๋ย้ำเสมอว่า หลังจากทำโยคะหัวเราะเสร็จสิ้นแล้ว จะต้องปิดท้ายด้วยโยคะนิทราทุกครั้ง ถ้าหัวเราะไปอย่างเดียว จิตก็จะฟุ้งซ่านล่องลอยไปเรื่อยๆ เพราะการหัวเราะ เปรียบเสมือนเป็นการเขย่าตะกอนที่ติดค้างให้หลุดออกไป เมื่อหัวเราะไปเฉยๆ ตะกอนเหล่านั้นยังคงฟุ้งกระจายอยู่ ดังนั้น กระบวนการของโยคะนิทรา จะทำให้ตะกอนทางอารมณ์ตกลงสู่ด้านล่าง ซึ่งจะช่วยสร้างความสงบ และมั่นคงทางอารมณ์ได้อย่างเสร็จสมบูรณ์ครับ

ผลที่ได้รับคือ วันแรก แสดงให้เห็นถึงจิตที่เข้าสู่สมาธิอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเงียบสงัด ซึ่งสามารถเปรียบเทียบได้เลยว่า กว่าที่ผมจะทำสมาธิในวัดได้นั้น จะต้องทำท่านั่งนิ่งๆ ให้ผ่อนคลาย กว่าจะเปลี่ยนไปนั่งขัดสมาธิ ก็ใช้เวลานานพอสมควร แต่การทำสมาธิหลังโยคะหัวเราะ ทำให้จิตสงบและเป็นสมาธิได้เร็วมาก

ส่วนวันต่อมา ผลของการจัดแผนที่สมองของโยคะนิทรา ส่งผลให้สมองและความรู้สึกปลอดโปร่ง เป็นความรู้สึกที่ "วางเฉย" ไม่สุขไม่ทุกข์ใดๆ ไม่มีความคิดความอ่านใดๆ เข้ามาในหัว โปร่งโล่งสบาย และการฝึกวันที่ 3 ก็เริ่มที่จะควบคุมจิตได้ โดยไม่ปล่อยให้ไหลไปมีอารมณ์ร่วม ณ ตรงนั้น

โดยสรุปคือ ยิ่งการฝึกโยคะหัวเราะกับโยคะนิทรามากขึ้น ยิ่งทำให้เราเห็นภาพต่อสิ่งต่างๆ ที่เป็นคำสอนหรือปรัชญาต่างๆ ที่สามารถจับต้องได้มากขึ้น และได้เข้าถึงสภาวะจิตใจที่ "ปล่อยวาง" ได้มากยิ่งขึ้น


Let it Bloom จงเบ่งบานต่อไป ไม่หยุดอยู่กับที่

การที่มาฝึก 3 วัน จะต้องมีอะไรมหัศจรรย์ใจ จึงตัดสินเอาแมนดาลามาระบายสี ด้วย เผื่อจะเห็นผลลัทธ์อะไรบางอย่าง ที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้...

ภาพระบายสีแมนดาลา หลังฝึก 3 วัน

หลังจากที่ใช้เวลาระบายไปทั้งหมด 75 นาที ผมได้อธิบายถึงภาพวาดที่สะท้อนออกมาถึงตัวตน ณ ขณะนั้น ให้ครูพี่เก๋และอาจารย์ทั้ง 3 ท่านฟัง ภาพรวมของสีที่ระบายลงไปคือ "การเบ่งบาน" "การปลดปล่อย" และ "ความหนักแน่น" เปรียบเสมือนเป็นดอกไม้ที่กำลังบานออกไปเรื่อยๆ โดยมีฐานสำหรับการหยั่งรากที่มั่นคง โดยมีสีของรากไม้และน้ำ คอยประคับประคองให้แผ่กระจายขึ้นไป จนสามารถทำลายกรอบที่เป็นข้อจำกัดเดิมๆ เพื่อโอบอ้อมโลกทั้งใบให้สวยงาม

ณ จุดนี้ ก็สะท้อนถึงชีวิตส่วนตัว ที่มีต่อครอบครัวด้วยว่า จะสามารถแก้ไขสถานการณ์อย่างไร เหมือนจะทำให้ผมได้รู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้น ว่าจะเอาสิ่งที่ตัวเองเป็น ไปช่วยเหลืออะไรกับครอบครัวได้บ้าง และเริ่มมองเห็น สภาพจิตใจพร้อมที่จะทำลายข้อจำกัด ทั้งภายในและภายออกไป เพื่อที่จะ Focus (เสียง)หัวใจของตัวเอง ให้เดินไปหาความฝันที่ต้องทำ

แม้มันจะเชื่องช้าเพียงใด แค่ขอให้ได้เดิน ซึ่งนี้ก็เป็นแนวคิดของการเขียน "บล็อกหอยทาก" ครับ และผมยอมรับตัวเอง ว่าเป็นคน "ช้า" ไม่สามารถทำอะไรแบบเร่งรีบได้ ที่สำคัญ ภาษาพูดของผมนั้น ตรงกันข้ามกับภาษาเขียนแบบ 180 องศาก็ว่าได้ เพราะเวลาที่จะต้องพูดอะไร มันไม่มีเวลาเตรียมหรือคัดกรองใดๆ ต่างจากเวลาเขียน ที่มีเวลาวางแผน และคัดกรองเพื่อให้ผลงานที่ทำออกมาดีที่สุด

ความมืด กลางคืน ก็มีดีตรงที่เราได้เห็นอะไรได้ชัดขึ้น (สร้างโดย BingAI)

ผมอาจจะเหมาะกับการเป็น "คนภาคกลางคืน" ก็ได้ เพราะ "ความมืด" มันทำให้ผมสงบที่สุด ไม่มีสิ่งรบกวนใดๆ และช่วยเพิ่มพลังความคิดสร้างสรรค์ได้ดีกว่าตอนกลางวัน และผมมีความคิดอย่างหนึ่งถึง การเป็น "แสงสว่างในที่มืด" ที่มีความหมาย 2 อย่างคือ การสร้างกำลังใจ ในวันที่มืดมน หรือ การชี้ให้เห็นถึง สิ่งที่ควรแก้ไขในปัญหาสังคมต่างๆ ได้ครับ


เสียงหัวเราะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรือเป็นแค่ส่วนหนึงของอารมณ์ชีวิตอีกต่อไป

การเดินทางครั้งใหม่ ของครูพีเก๋ร่วมกับอาจารย์ 3 ท่านแห่ง LUOT ที่มี ดร.มาดานสนับสนุน

การที่ก่อตั้ง "มหาวิทยาลัยหัวเราะแห่งประเทศไทย" (LUOT) นั้น เป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง ที่กำลังบ่งบอกว่า เสียงหัวเราะในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกต่อไป เพราะเสียงหัวเราะสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่ง ในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข ก้าวผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปได้ง่ายขึ้น ซึ่งครูพี่เก๋ทุ่มเทศึกษา ถึงคุณประโยชน์ของเสียงหัวเราะในหลายๆ ด้าน ร่วมกับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่าน และยังมี ดร.มาดาน คอยให้คำปรึกษาและสนับสนุน ซึ่งเป็นการการันตีถึงความเชี่ยวชาญ แห่งศาสาตร์ด้านเสียงหัวเราะของครูพี่เก๋ ที่จะนำมาใช้ ในการยกระดับคุณภาพชีวิตให้ ตนเอง ผู้อื่น กลุ่มองค์กรต่างๆ และสังคมอันหลากหลาย ให้เป็น "สันติสุข" มากขึ้น

ชีวิตของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ทั้งรูปลักษณ์ นิสัย จิตสำนึก การเข้าถึงย่อม มีการพลิกแพลงสิ่งต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงลักษณะของคนๆ นั้น ซึ่งทำให้เห็นได้ว่า โยคะหัวเราะ สามารถทำได้หลายระดับ หลายรูปแบบ และปรับให้เข้าถึงแต่ละคนได้อย่างลงตัว

แต่การที่จะเอาเสียงหัวเราะแบบไปเข้าถึงสังคมให้ได้นั้น จะต้องเป็นแบบ "ทำทันที" เพราะทฤษฏี เป็นความรู้ที่คนทั่วไปอาจจะเข้าไม่ถึง ไม่ได้ลงมือทำตาม ดังนั้น การปฏิบัติไปเลย โดยไม่ต้องอธิบายหรือเกริ่นนำใดๆ ให้มากมาย ขอให้เริ่มสอนวิธีคร่าวๆ และ "ลงมือทำ" ให้ครบขึ้นตอน จะทำให้สิ่งที่ให้นั้น เข้าถึงผู้คนได้ง่ายและรวดเร็วกว่า และผู้ปฏิบัติจะเข้าใจถึงผลลัทธ์ที่เกิดขึ้น จนอาจะเกิดความคิดที่อยากจะไปเรียนรู้เพิ่มเติมต่อไป

รอยยิ้มเล็กๆ คือพลังบวกที่ยิ่งใหญ่ (ภาพโดย BingAI)

ผมหวังว่า LUOT จะผลักดันเสียงหัวเราะให้เป็น "เรื่องจริงจัง" ให้สังคมไทย เพราะทุกวันนี้ ล้วนมีเรื่องตึงเครียดหลายๆ ด้าน ยังไม่รู้วิธีที่จัดการความเครียดได้ดีพอ และสังคมไทยส่วนใหญ่ อาจจะยังไม่เข้าใจ ถึงความมหัศจรรย์ล้ำลึกของเสียงหัวเราะนัก ต้องให้มาหัวเราะแบบจริงจัง เหมือนกับการประชุมหัวเราะโลกของปี 2023 ที่แค่เพียงดูคลิปนั้นก็ยังสัมผัสได้ จนรู้สึกอยากจะหัวเราตาม เพราะเสียงหัวเราะจากอินเดียในตอนนั้น เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ ที่สร้างความความเป็นสันติสุข แบบง่ายๆ 

และผมเชื่อว่า LUOT จะสามารถแผ่กระจายเสียงหัวเราะ ไปทั่วประเทศไทย ให้กลับมาเป็นสยามเมืองยิ้มได้อีกครั้ง  และสักวันหนึ่ง การสร้างเสียงหัวเราะที่ยิ่งใหญ่ของ LUOT จะส่งต่อไปถึง ดร.มาดาน ให้ได้ยินและได้รับรู้ จนท่านลงมาเสริมพลังหัวเราะให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

ด้วยการเวลาที่ไหลไปไม่หยุด คนเราเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ นั่นคือโอกาสที่จะได้พัฒนาตัวเองหลายๆ ด้าน เหมือนกับการฝึกโยคะหัวเราะ ทั้งผู้ที่เข้าการฝึกอย่างผมหรือใครหลายๆ คน ที่ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตตนเอง และรวมไปถึง ครูพี่เก๋หรือครูสอนโยคะต่างๆ ที่พัฒนาการฝึกสอน จนสร้างโปรเจกต์อันยิ่งใหญ่ เช่นนี้...

...จงหัวเราะต่อไป ไม่หยุดพัฒนาตัวเองทั้งครูฝึกและผู้ปฏิบัติ




แหล่งอ้างอิงและบทความอื่นๆ
- เปิดประสบการณ์ครั้งเเรก World Laughter Yoga โดยครูบุศ (ช่อง Healthy Living By BUD) หนึ่งในครูโยคะที่เข้าร่วมหัวเราะกับครูพี่เก๋ที่อินเดียบน YouTube


ความคิดเห็น